ความสมดุลบนใบหน้าคือความงดงามในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับการใช้ชีวิต และหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยปรับแก้ไขรูปหน้าให้ดูสมดุลได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำได้สะดวก เห็นผลลัพธ์ได้ไว และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)”หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สนใจ หรือกำลังตัดสินใจที่จะฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เดอะริทซ์คลินิก (The Ritz Clinic) ได้รวมครบทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์มาให้แล้ว จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มผิวที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังและสามารถคงตัวอยู่ในชั้นใต้ผิวหนังได้ชั่วคราว หรือถาวร โดยสารเติมเต็มผิวที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และ อย. ของประเทศไทย สามารถนำมาใช้ฉีดปรับรูปหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายก็คือ สารที่อยู่ในกลุ่มไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “HA”
HA เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น สามารถเติมเต็มชั้นผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้บริเวณที่ฉีดเข้าไป ผิวจะเต่งตึงและดูมีสุขภาพดี อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีการตกค้างในร่างกาย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้แพทย์นิยมนำ HA มาใช้ฉีดเติมเต็มชั้นผิวบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เพื่อทดแทนปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวที่หายไป
ฟิลเลอร์มีกี่ชนิด
สามารถแบ่งชนิดของฟิลเลอร์ออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1. Permanent Filler : ฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร
ยกตัวอย่างเช่น ซิลิโคนเหลว (Liquid Silicone) หรือ พาราฟิน (Paraffin) เป็นสารที่ฉีดเข้าไปแล้วจะไม่สลายได้เอง และอาจมีผลข้างเคียงได้ในระยะยาว ซึ่งในปัจจุบันองค์การอาหารและยาไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสารเติมเต็ม เพราะการที่ฟิลเลอร์ไม่สามารถสลายได้เองจะเสี่ยงทำให้เกิดก้อนแข็ง มีโอกาสเกิดการอักเสบ เป็นหนอง และยากต่อการแก้ไข ถ้าหากต้องการเอาออกก็จำเป็นต้องผ่าออก หรือขูดออกเท่านั้น
2. Non-Permanent Filler : ฟิลเลอร์ชั่วคราว
ฟิลเลอร์กลุ่มนี้เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสามารถสลายได้เอง หลังสลายไปก็สามารถฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยสารที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็มีอยู่หลายชนิด เช่น Hyaluronic Acid, Autologous Fat หรือ Calcium Hydroxyapatite เป็นต้น ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ทาง อย. ไทย ให้การรับรองแล้วว่าปลอดภัย ได้รับความนิยม และมีใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid หรือ HA เนื่องจากเป็นสารประเภทที่พบได้ในธรรมชาติของร่างกาย จึงเข้ากันได้กับร่างกายของเราโดยไม่เป็นอันตราย
ฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนได้บ้าง
การฉีดฟิลเลอร์จะฉีดตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า บริเวณที่มีปัญหาร่องลึกและริ้วรอย โดยบริเวณที่สามารถฉีดได้และได้รับความนิยมมีอยู่ด้วยกัน 7 จุดดังนี้
1. ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นับเป็นจุดแรกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะจะช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ แก้ปัญหาสำหรับคนที่มีถุงใต้ตา ช่วยเติมเต็มเบ้าตาลึกและลดริ้วรอยอย่างเห็นผล ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
2. ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมในการฉีดและแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ การเติมเต็มที่ร่องแก้มจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม แก้ปัญหาร่องแก้มลึก ฉีดแล้วช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และหลังฉีดสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที
3. คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับคนที่มีฐานคางเดิมอยู่แล้ว ต้องการเสริมให้คางดูยาวเรียวได้รูปมากขึ้น หรือคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด ซึ่งการเติมเต็มในจุดนี้จะเท่ากับเป็นการปรับรูปหน้า ทำให้หน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น
4. ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนสนใจ เพราะสามารถแก้ปัญหาปากไม่เท่ากัน ปากบาง ปากแห้งเป็นร่องได้ เมื่อฉีดเข้าไปก็จะทำให้ปากชุ่มชื้น ดูอวบอิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วการฉีดในจุดนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปปากให้เป็นทรงต่าง ๆ ด้วย
5. หน้าผาก
บริเวณหน้าผากก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยเสริมหน้าผากให้โหนกนูน ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีหน้าผากบุ๋มยุบ หน้าผากแบน หรือมีริ้วรอยร่องลึกบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งวิธีในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนโดยไม่ต้องพักฟื้น
6. ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ โดยรวมแล้วจะเป็นการฉีดเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น จะช่วยลดความเด่นของโหนกแก้ม จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาโหนกแก้มใหญ่และดูเด่นเกินไป นอกจากนั้นแล้วการฉีดในจุดนี้ยังช่วยแก้ปัญหาคนที่มีขมับบุ๋ม ขมับยุบ และคนที่มีปัญหาเปลือกตาตกได้อีกด้วย
7. แก้มส้ม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม จะเป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์ที่บริเวณกลางหน้า หรือพวงแก้ม ที่มีการยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมัน จนทำให้ผิวหย่อนคล้อย หรือเป็นริ้วรอย ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยขึ้น และทำให้ใบหน้าดูมีมิติ และสดใสมากขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- สามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอย ช่วยชะลอวัย ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ เพราะฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และแม้ว่าสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปหมดแล้วตามกาลเวลา ผิวก็จะยังคงสภาพที่ดูดี เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกายจะยังคงอยู่ ไม่สลายหายไปนั่นเอง
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูดีมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการเติมเต็มผิวด้วยวิธีอื่น ๆ
- เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก อย. ไม่มีสารตกค้าง สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีความเสี่ยงในการวางยาสลบ ไม่มีรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น
- หลังฉีดเห็นผลทันที และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร
สำหรับฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวในปัจจุบันจะมียี่ห้อให้เลือกมากมาย และในแต่ละยี่ห้อก็ยังจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรุ่นย่อยให้เลือกลงไปอีก ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่า แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรจะเริ่มต้นเลือกจากยี่ห้อไหนดี
ในส่วนนี้ The Ritz Clinic จะขอแนะนำฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อหลักที่ อย.ไทย รับรอง และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างที่น่าสนใจดังนี้
1. Restylane
เป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่พัฒนาขึ้นจากประเทศสวีเดน มีการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด ยี่ห้อนี้มีการนำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และในปัจจุบันก็ยังมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
Restylane นั้น จะมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตรุ่นใหม่ออกมา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ตอบโจทย์กับการนำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่หลากหลาย เช่น
- Restylane Classic ตัวเนื้อสารจะมีโมเลกุลใหญ่ ให้สัมผัสที่แข็งปานกลาง เหมาะสำหรับการใช้เติมปัญหาร่องลึกต่าง ๆ
- Restylane Vital Light เนื้อสารจะนิ่มและมีโมเลกุลขนาดเล็ก เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยและการเติมผิวชั้นตื้น
2. Juvederm
เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกา ได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยแล้วทั้งจาก อย. อเมริกา และ อย. ไทย นำเข้าโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ยี่ห้อนี้จะมีการผสมยาชามาเรียบร้อย ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บเวลาฉีด สามารถนำไปใช้ได้กับทุกจุดบนใบหน้า และเป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง
ในปัจจุบัน Juvederm มีรุ่นย่อยออกมาหลายรุ่น และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจแตกต่างกันไป เช่น
- Juvederm Volift จะมีเนื้อสัมผัสที่มีความละเอียด เรียบเนียน และมีความนิ่มในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมร่องแก้ม เติมปาก
- Juvederm Volbella เนื้อนิ่มและมีความเรียบเนียนเช่นกัน แต่จะเหมาะกับการฉีดลดริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยชั้นตื้นในบริเวณอื่น ๆ
3. Belotero
เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดย บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะมีความน่าสนใจตรงที่ใช้ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการผลิตทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น
Belotero จะมีรุ่นย่อยที่มีความน่าสนใจ เช่น
- Belotero Volume เนื้อจะมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมขมับ คาง แก้มตอบ, Belotero Balance เหมาะสำหรับการเติมร่องแก้ม หว่างคิ้ว
- Belotero Soft เหมาะสำหรับการเติมเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยชั้นตื้น อย่างริ้วรอยที่ใต้ตา และหางตา
ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดในแต่ละจุด
- ใต้ตา ปริมาณที่เหมาะสม คือ 2-4 CC
- ร่องแก้ม ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-3 CC
- คาง ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-4 CC
- ปาก ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-2 CC
- หน้าผาก ปริมาณที่เหมาะสม คือ 2-4 CC
- ขมับ ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-3 CC
เหตุผลที่คุณควรฉีดฟิลเลอร์ที่ The Ritz Clinic
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า แล้วไม่รู้ว่าจะไปฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ให้ The Ritz Clinic เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ ทีมแพทย์ของเราพร้อมให้การดูแลทุกคนด้วยความใส่ใจ ประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนทำ รับรองได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
โดย 5 เหตุผลที่คุณควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ The Ritz Clinic มีดังนี้
- ดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และชำนาญการด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ได้มาตรฐาน นำเข้ามาอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพทั้งจากอเมริกา ยุโรป และไทย (U.S. FDA, TH-FDA, CE) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
- มีผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้เลือกใช้หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้ตอบโจทย์สภาพผิวและรูปหน้าของคนไข้ได้อย่างครอบคลุม
- การันตีในผลลัพธ์ว่าคุณจะต้องพึงพอใจ
- มีการติดตามผลลัพธ์หลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการเกิดความมั่นใจและยังมีการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทั้งก่อนและหลังทำ ให้ผู้เข้ารับบริการได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย
ข้อควรปฏิบัติก่อนการฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนทำ 3-7 วันควรงดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน
- ก่อนทำ 1 วันควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ก่อนทำ 1 วัน ควรงดการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมไปถึงควรเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสความร้อน อย่างการซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เป็นต้น
- หากมีโรคประจำตัว หรือมีอาการของผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร
- หลังฉีดอาจพบอาการเขียวช้ำหรือบวมแดงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณจุดที่ฉีด หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
- หลีกเลี่ยงให้บริเวณจุดที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนทุกชนิด อย่าง การตากแดด การออกกำลังกายกลางแจ้ง การซาวน่า เป็นต้น
- ให้เลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ฉีดในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้สารเติมเต็มเคลื่อนตัวจนอยู่ผิดตำแหน่งได้
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดคงสภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น
ผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดฟิลเลอร์
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ถ้าหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยผลข้างเคียงที่พบได้จากการทำหัตถการนี้มีดังนี้
- อาการเขียวช้ำ หรือบวมแดงบริเวณที่ฉีด เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
- ภาวะฟกช้ำ เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
- เส้นเลือดอุดตันจากการที่ฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตายได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
- เนื้อฟิลเลอร์ไหลย้อยมากองรวมกัน หรือฟิลเลอร์เป็นก้อนจากการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร
การฉีดสลายฟิลเลอร์ (Dissolving Filler) คือ การฉีดสารเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปย่อยสลายสารเติมเต็มในกลุ่ม HA โดยจะทำให้โมเลกุลในการจับตัวเป็นน้ำของ HA ลดลง และทำให้โมเลกุลค่อย ๆ สลายตัวลงจนหมดไปในที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม
ก่อนที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะมีการแปะยาชาเฉพาะที่ หรือประคบเย็นก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บได้มาก อีกทั้งฟิลเลอร์ในปัจจุบันยังมีการผสมยาชาด้วย ใครที่กลัวเจ็บ ไม่ต้องกังวลเลย รับรองว่าสามารถทำได้สบาย ๆ อย่างแน่นอน
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ แล้วแพทย์ฉีดเข้าเส้นเลือด หรือฉีดผิดตำแหน่งก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ แต่ถ้าหากทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาอย่างยาวนาน และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
ราคาการฉีดฟิลเลอร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด และโปรโมชันของแต่ละคลินิก โดยที่ The Ritz Clinic เรามีโปรโมชันฉีดฟิลเลอร์ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์คาง ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท*
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท*
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท*
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท*
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท*
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท*
*ราคาโปรโมชันฉีดฟิลเลอร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมก่อนสั่งซื้อแพ็กเกจ
สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์
จะเห็นได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์์เป็นหนึ่งในหัตถการที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลได้จริง อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดริ้วรอย ช่วยชะลอวัย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้ มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก อย. ไม่มีสารตกค้าง และสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ สำหรับท่านใดที่สนใจทำหัตถการนี้ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาที่ The Ritz Clinic ได้เลย เรามีทีมแพทย์พร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ประเมินสภาพผิวก่อนทำอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการมากที่สุด จองคิวออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Line OA: @theritzclinic Facebook Inbox: THE RITZ Instagram : theritzclinic.official หรือโทรศัพท์ 088-892-2666 เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมให้คำแนะนำอย่างดีที่สุด