เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
“ร่องแก้มลึก” เป็นหนึ่งในปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าที่ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุมากขึ้น และสร้างความกังวลใจให้กับใครหลาย ๆ คน เพราะแก้ไขได้ยาก ไม่สามารถรักษาด้วยการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียวได้ จำเป็นที่จะต้องเติมเต็มร่องลึกด้วยฟิลเลอร์ (Filler) หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วย Ulthera SPT, Ultraformer MPT หรือ Thermage FLX เท่านั้น
สำหรับใครที่มีปัญหาร่องแก้มลึก แล้วต้องการที่จะรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เดอะริทซ์ คลินิก (The Ritz Clinic) จะพาคุณไปเจาะลึกกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยละเอียด ใครที่สงสัยว่าฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดีไหม อันตรายหรือเปล่า หรืออยากรู้ว่าฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกได้อย่างไร ห้ามพลาดบทความนี้เลย
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดีไหม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “HA” เข้าไปเติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้ม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกจนเห็นเป็นเส้นชัดเจนให้ดูตื้นขึ้น และช่วยยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
ร่องแก้มลึกนั้น เกิดจาก 4 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- การยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง
- การยุบตัวลงของกระดูกบริเวณใต้ตา ทำให้ไม่มีอะไรคอยพยุงเนื้อแก้มด้านบนไว้ และหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้มจนทำให้ร่องแก้มดูลึกขึ้น
- ผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ๆ จนทำให้ชั้นผิวบางลงมา และเกิดริ้วตื้น ๆ ที่บริเวณร่องแก้ม ซึ่งมองเผิน ๆ จะดูเหมือนมีริ้วรอยร่องลึกบริเวณร่องแก้ม
- กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มมีความแข็งแรงมากเกินไปจากการที่เรายิ้มบ่อย ๆ จนทำให้เกิดร่องแก้มลึกขึ้น
สำหรับคำถามที่ว่าการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดีไหม ต้องให้แพทย์ช่วยประเมินสภาพผิวดูก่อน ถ้าหากร่องแก้มลึกของคุณเกิดจาก 3 สาเหตุแรกก็ต้องตอบว่าดีแน่นอน เพราะฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทำให้ร่องลึกบริเวณแก้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร
ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เป็นสารที่ผลิตขึ้นเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการคงตัวอยู่ใต้ผิวหนังได้ชั่วคราว จึงสามารถนำมาใช้เติมเต็มทดแทนคอลลาเจนที่ลดลง หรือกระดูกที่ยุบตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของร่องแก้มลึกได้
นอกจากนี้ไฮยาลูรอนิก แอซิด ยังมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น จึงมีส่วนช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน และมีสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย
เติมฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม
HA เป็นสารเติมเต็มที่ผลิตขึ้นเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ จึงมีความเข้ากันกับร่างกายได้สูง เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก อีกทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
นอกจากนี้สารเติมเต็มในกลุ่ม HA นั้น ยังผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และ อย. ของประเทศไทย สามารถนำมาใช้ฉีดปรับรูปหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ถ้าหากเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้อง ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่พอดี ก็มั่นใจได้เลยว่าการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มจะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้กี่ซีซี
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะใช้ปริมาณข้างละ 1 – 2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา แต่ไม่ควรฉีดในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือทำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อนได้
นอกจากนี้ในคนที่ร่องแก้มลึกเกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาและกระดูกบริเวณร่องแก้ม แพทย์ก็จำเป็นที่จะต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมด้วย เพื่อทำให้ใบหน้าโดยรวมยกขึ้น ซึ่งทำให้ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากกว่าปกติ ถ้าหากต้องการทราบปริมาณที่แน่นอน แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกก็จะดีที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มราคาเท่าไหร่
ราคาการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ The Ritz Clinic ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท* สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินสภาพผิวได้ที่ The Ritz Clinic ทุกสาขา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จองคิวออนไลน์ได้เลยที่ Instagram : THERITZCLINIC.OFFICIAL หรือ Line OA: @theritzclinic หรือ Facebook Inbox: THE RITZ หรือโทรศัพท์ 088-892-2666
*ราคาโปรโมชันฉีดฟิลเลอร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมก่อนสั่งซื้อแพ็กเกจ
เหตุผลที่คุณควรเลือกฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ The Ritz Clinic
- ดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และชำนาญการด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ได้มาตรฐาน นำเข้ามาอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพทั้งจากอเมริกา ยุโรป และไทย (U.S. FDA, TH-FDA, CE) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
- มีผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้เลือกใช้หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้ตอบโจทย์สภาพผิวและรูปหน้าของคนไข้ได้อย่างครอบคลุม
- การันตีในผลลัพธ์ว่าคุณจะต้องพึงพอใจ
- มีการติดตามผลลัพธ์หลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการเกิดความมั่นใจในผลลัพธ์
เลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี
ในปัจจุบันฟิลเลอร์มีให้เลือกฉีดหลายยี่ห้อมาก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีการผลิต จุดเด่น รวมไปถึงรุ่นย่อยที่แตกต่างกันไป สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี The Ritz Clinic ขอแนะนำฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อหลักที่ อย.ไทย รับรอง และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างที่น่าสนใจดังนี้
1. Restylane
เป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่พัฒนาขึ้นจากประเทศสวีเดน มีการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด นำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และในปัจจุบันก็ยังมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีดังนี้
- Restylane Classic : เนื้อฟิลเลอร์จะมีความแข็งปานกลาง เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นถึงลึกบริเวณใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ปาก และหน้าผากได้
- Restylane Lyft : เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะแข็ง มีความคงตัวสูง และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับใช้เติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก เช่น ใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม รวมไปถึงฉีดปรับรูปหน้าอย่างคาง ยกกรอบหน้า หรือแก้มส้ม
- Restylane Refyne : เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มและยืดหยุ่น สามารถใช้แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ อย่าง ร่องแก้ม หรือร่องน้ำหมากได้ดี
- Restylane Defyne : เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะแข็งปานกลาง และมีความยืดหยุ่นมากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง สามารถนำมาใช้ฉีดแก้ปัญหาบริเวณใต้ตา คาง ขมับ ร่องแก้ม แก้มส้ม แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก และกรอบหน้า ได้เช่นกัน
2. Juvederm
เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกาที่ได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยแล้วทั้งจาก อย. อเมริกา และ อย. ไทย นำเข้าโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ยี่ห้อนี้จะมีการผสมยาชามาเรียบร้อย ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บเวลาฉีด สามารถนำไปใช้ได้กับทุกจุดบนใบหน้า และเป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้แก่
- Juvederm Ultra Plus : เนื้อฟิลเลอร์จะมีความนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาร่องลึก บริเวณใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ และร่องน้ำหมาก
- Juvederm Volift : เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่มและละเอียด เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก สามารถใช้ฉีดบริเวณร่องแก้ม แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก และปากได้
- Juvederm Voluma : เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณใต้ตา คาง ขมับ ร่องแก้ม และแก้มส้ม
3. Belotero
เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดย บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะมีความน่าสนใจตรงที่ใช้ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการผลิตทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น
รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ Belotero Intense (กล่องสีชมพู) จะมีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้แก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ อย่าง ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือใช้เติมฟิลเลอร์ปากได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ก่อนทำ 3-7 วันควรงดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน
- ก่อนทำ 1 วันควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ก่อนทำ 1 วัน ควรงดการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมไปถึงควรเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสความร้อน อย่างการซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เป็นต้น
- หากมีโรคประจำตัว หรือมีอาการของผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่คนไข้กังวลก่อนว่าสามารถรักษาด้วยการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มได้ไหม
- หากประเมินแล้วว่าสามารถแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ได้ แพทย์จะแจ้งปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ และเตรียมผิวให้เรียบร้อยโดยการฆ่าเชื้อบริเวณที่จะฉีดและรอบ ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แล้วทำการฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาอาการเจ็บขณะทำหัตถการ
- หลังจากนั้นจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มตามแผนการรักษาที่วางไว้ ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ และสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ โดยในวันที่รับบริการ แพทย์จะแนะนำให้กลับไปนอนพัก และหมั่นประคบเย็นบริเวณที่ฉีดทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวม
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ให้ประคบเย็นด้วยแผ่นเจล หรือผ้าห่อน้ำแข็ง ประมาณ 10 นาที ทุก ๆ ชั่วโมง ในวันที่เข้ารับบริการ
- หลังฉีดอาจพบอาการเขียวช้ำหรือบวมแดงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณจุดที่ฉีด หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
- หลีกเลี่ยงให้บริเวณจุดที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนทุกชนิด อย่าง การตากแดด การออกกำลังกายกลางแจ้ง การซาวน่า เป็นต้น
- ให้เลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ฉีดในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้สารเติมเต็มเคลื่อนตัวจนอยู่ผิดตำแหน่งได้
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดคงสภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น
- หากมีอาการปวด สามารถกินยาแก้ปวดได้
- งดแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือวิตามินซีภายใน 24 ชั่วโมง
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นอย่างไร เห็นผลตอนไหน
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเสร็จแล้ว จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4-5 วันแรกหลังทำหัตถการอาจจะมีอาการบวมเล็กน้อย และฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
แม้ว่าฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด จะเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง และเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก แต่ถ้าหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีดังนี้
- ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น อาการบวมแดง เจ็บ รอยช้ำ คัน หรือเลือดไหลเล็กน้อยจากรอยเข็ม
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เกิดจากการที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง หรือเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด
- อาการแพ้ยาชาจากการฉีดฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด เป็นผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ทันที ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดเนื้อตาย หรือตาบอดได้
- ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อในบริเวณที่ไม่ต้องการ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ไม่สวยงาม
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
นอกจากเรื่องทั่วไปที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มครั้งแรกแล้ว The Ritz Clinic ยังได้รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมาให้ด้วย สามารถไปดูคำถามและคำตอบได้เลย!
1. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยิ้มได้ไหม
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขยับหน้า หรือยิ้มบ่อย ๆ ก่อน เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนไปยังบริเวณข้างเคียงได้ แต่หลังจากที่ฟิลเลอร์เข้าที่แล้ว ก็สามารถยิ้มได้ปกติ ไม่ได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด
2. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บไหม
ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แพทย์จะมีการฉีดยาชาบริเวณที่จะฉีดก่อน อีกทั้งฟิลเลอร์ในปัจจุบันยังมีการผสมยาชาร่วมด้วย จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้มาก ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
3. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอย่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลผิวและกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ก็สามารถเติมฟิลเลอร์ซ้ำได้
4. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดประมาณ 4-5 วัน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ยุบลงและเข้าที่ภายใน 1-2 สัปดาห์
5. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมแล้วเป็นก้อน แก้ไขได้ไหม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ของแท้ จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งจะเข้าไปสลายฟิลเลอร์ได้หมด 100% และทำให้ผิวกลับคืนสภาพเดิมได้ แต่ถ้าหากใช้ฟิลเลอร์ของปลอม จะไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น
สรุปเรื่องฟิลเลอร์ร่องแก้ม
จะเห็นได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึกที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะสามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญยังเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ เจ็บตัวน้อย และไม่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานด้วย ใครที่มีปัญหาร่องแก้มลึกอยู่ แนะนำให้ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มได้เลย รับรองว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน แต่จะต้องทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น เพื่อการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีอย่างปลอดภัย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- ติดต่อโดยตรงที่เดอะริทซ์คลินิก The Ritz Clinic ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน
- Facebook Inbox THE RITZ : https://www.facebook.com/theritzclinic
- Instagram : theritzclinic.official
- Line Official Account : @theritzclinic
- โทรเข้า Call Center ของ The Ritz Clinic : 088-892-2666
เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างดี ทีมคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: U.S. FDA, Healthline, Mayo Clinic