Call Center : 088-892-2666
Line OA : @Theritzclinic
Open hours : 10:00 – 20:00

ฉีดโบท็อกซ์ หรือโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) วิธีลดริ้วรอยเหี่ยวย่นอย่างมีประสิทธิภาพ

Botulinum Toxin

- By Dr. Ritz

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับการฉีด Botulinum Toxin

ฉีดโบท็อกซ์ หรือโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) วิธีลดริ้วรอยเหี่ยวย่นอย่างมีประสิทธิภาพ

การฉีดโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือที่เราคุ้นกันดีในชื่อ “โบท็อกซ์” (Botox) เป็นหนึ่งในวิธีการปรับรูปหน้าอย่างเห็นผล และช่วยลดรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ มีความปลอดภัย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากทั่วโลกสำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้า แล้วกำลังสนใจที่จะฉีดโบท็อกซ์กันอยู่ แต่อาจจะยังมีความกังวล หรือกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะไม่เคยทำมาก่อน ไม่ชัวร์ว่าจะฉีดดีไหม ไม่รู้จะเลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี หรือยังไม่แน่ใจในเรื่องประสิทธิภาพการลดริ้วรอยต่าง ๆ ว่าจะได้ผลดีแค่ไหน เดอะริทซ์คลินิก (The Ritz Clinic) จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกซ์ให้มากขึ้นกว่าเดิมเอง รับรองว่าอ่านจบแล้วจะทำให้คุณมั่นใจในหัตถการนี้อย่างแน่นอน

Botulinum Toxin หรือการฉีดโบท็อกซ์คืออะไร

ฉีดโบท็อกคืออะไร

Botulinum Toxin หรือโบท็อกซ์ คือ นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าและกระชับลำคอ ฟื้นฟูผิว รวมไปถึงยังสามารถนำมาใช้ทำให้กล้ามในส่วนต่าง ๆ คลายตัว เช่น กล้ามเนื้อในส่วนกราม หรือกล้ามเนื้อส่วนน่อง สารที่คนนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า โบท็อกซ์นี้ จริง ๆ แล้วก็คือสารชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการสกัดแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เมื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้องก็จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาภาวะต่าง ๆ มากมาย โดย Botulinum Toxin ยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกหลายชนิด แต่ที่นำมาใช้ในด้านความงามเพื่อการลดริ้วรอย และจัดได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดจะเป็น Botulinum Toxin Type A นั่นเอง

โบท็อกซ์มีกระบวนการทำงานเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าอย่างไร

โบท็อกซ์มีกระบวนการทำงานเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าอย่างไร

Botulinum Toxin ที่เรานำมาฉีดเพื่อการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า จะมีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ เมื่อแพทย์มีการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ สารที่ถูกฉีดเข้าไปนี้ก็จะมีกระบวนการทำงานแยกเป็น 2 ส่วน คือ

1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเก็บไว้ในเซลล์ประสาท

หลังฉีดโบท็อกซ์เข้าไป ร่างกายจะดูดซึมสาร Botulinum Toxin ส่วนหนึ่งเข้าไปเก็บไว้ในส่วนของเซลล์ประสาท และออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยจะเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ตั้งแต่ส่วนปลายประสาทเป็นต้นไป ทำให้กล้ามเนื้อที่หดตัวอยู่เกิดการคลายตัวและทำงานลดลง ส่งผลให้ผิวหนังตึงขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ดูลดลงและผิวหน้ากระชับขึ้น

2.ส่วนที่ถูกขับออกจากร่างกาย

สาร Botulinum Toxin ส่วนที่ไม่ได้ถูกเซลล์ประสาทเก็บไว้ ร่างกายก็จะทำการขับออกไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งสารในส่วนนี้ไม่มีผลต่อเซลล์และการทำงานของร่างกาย ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

หลังจากนั้น Botulinum Toxin ในส่วนแรกที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ ก็จะค่อย ๆ สลายไปตามระยะเวลา ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีความช้า-เร็วในการคงสภาพและสลายแตกต่างกันไป

เรามักฉีดโบท็อกซ์ตําแหน่งไหนและช่วยอะไรได้บ้าง

ในปัจจุบันเราสามารถฉีดโบท็อกซ์ได้หลายจุดมาก เนื่องจากวิทยาการเทคนิคทางการแพทย์ก้าวหน้าและพัฒนาไปจากแต่ก่อนมาก ทำให้สามารถประยุกต์การฉีดเพื่อแก้ปัญหาบนใบหน้าและร่างกายได้หลากหลายมากขึ้น โดยที่ยังคงมีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย โดยตำแหน่งหลัก ๆ ที่นิยมฉีดโบท็อกซ์มีดังนี้

ฉีดโบท็อกตรงไหนได้บ้าง

1. ฉีดโบท็อกซ์บริเวณใบหน้า

บริเวณใบหน้าตามจุดต่าง ๆ มักจะเกิดปัญหาเรื่องริ้วรอย จึงเป็นตำแหน่งแรกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่หน้าผาก หางตา หว่างคิ้วเพื่อการลดริ้วรอย ปีกจมูก โหนกแก้ม คาง และปาก โดยการฉีดที่ตำแหน่งใบหน้าจะเลือกฉีดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด หรือจะฉีดเพื่อปรับรูปหน้าโดยรวมให้ออกมาดูเรียวก็ได้

2. ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิคเฉพาะ  Dermo Lift คือการฉีด Botulinum Toxin เข้าที่บริเวณลำคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อผิวหนังบริเวณลำคอคลายตัว และไม่ดึงผิวที่บริเวณใบหน้าลงมา ช่วยให้ผิวบริเวณใบหน้าดูยกกระชับขึ้น และมองเห็นกรอบหน้าได้อย่างชัดเจน

3. ฉีดโบท็อกซ์กราม

ในคนที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม (สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยการลองกัดฟัน แล้วจะมีก้อนแข็ง ๆ บริเวณแก้ม) สามารถฉีด Botulinum Toxin เข้าไปที่ตำแหน่งกราม เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามทำงานลดลง และมีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งจะช่วยกระชับกรอบหน้าและทำให้ใบหน้าดูเข้ารูปมากขึ้น

4. ฉีดโบท็อกซ์บ่าและแขน

ในผู้หญิงบางคนที่ออกกำลังกายจนบ่าใหญ่ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แขนบ่อย ๆ จนทำให้ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณแขนหนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้วทำให้เวลาใส่เสื้อผ้าอาจจะดูไม่สวย ถ้าหากต้องการลดขนาดบ่าและแขนลงก็สามารถฉีด Botulinum Toxin เข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อแขนและบ่าเพื่อลดขนาดลงได้เช่นกัน ทั้งนี้การฉีดโบท็อกซ์จะได้ผลในกรณีที่เป็นกล้ามเนื้อเท่านั้น ถ้าบ่าและแขนใหญ่จากไขมัน จะแนะนำให้แก้ปัญหาด้วยการฉีดสลายไขมันด้วย ORGANIC FAT BOMB หรือสลายไขมันด้วยความเย็น LIPO FREEZE แทน

5. ฉีดโบท็อกซ์รักแร้

การฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะช่วยลดเหงื่อและลดกลิ่นตัวได้ โดยสาร Botulinum Toxin จะเข้าไปยับยั้งเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อลดลง บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์จึงมีเหงื่อออกน้อยลง การฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกที่รักแร้จนเปียกชุ่ม จนทำให้มีปัญหาเรื่องกลื่นตัวตามมา ส่งผลต่อบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต

6. ฉีดโบท็อกซ์น่อง

การฉีดโบท็อกซ์น่องจะมีหลักการทำงานเหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์บ่าและแขน คือ จะเข้าไปลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณน่องและทำให้ขาดูเรียวสวยขึ้น เหมาะสำหรับผู้หญิงบางคนที่ต้องสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ หรือต้องยืนติดต่อกันนาน ๆ เป็นประจำทุกวัน จนทำให้น่องมีกล้ามเนื้อปูดออกมา น่องใหญ่ ขาดูไม่สวย

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์

ในภาพรวม Botulinum Toxin นั้นเหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า หรือต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้สัดส่วน แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น รวมไปถึงผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อร่างกายบางส่วน หากกล่าวให้เจาะจงขึ้น โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

ฉีดโบท็อกเหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า และริ้วรอยจะชัดขึ้นเวลาที่แสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว หรือรอยตีนกาที่ปรากฏเวลาที่ยิ้ม เป็นต้น
  • ผู้ที่ต้องการกระชับผิวหน้าและคอให้เรียบตึง
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและดูได้สัดส่วนที่สมดุล
  • ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อบางส่วนมีขนาดใหญ่จนกระทบกับการใช้ชีวิตและต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อ อย่าง บ่า แขน และน่อง เป็นต้น
  • ผู้ที่มีปัญหาใต้วงแขนมีเหงื่อเยอะและเริ่มมีกลิ่นตัวจากเหงื่อที่เยอะจนทําให้ขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต

Botulinum Toxin แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร

อย่างที่ทราบกันว่าในปัจจุบัน Botulinum Toxin นั้นมีให้เลือกใช้อยู่หลายยี่ห้อ ความหลากหลายนั้นก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ข้อดีก็คือ ทำให้มีทางเลือกในผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาที่หลากหลายและครอบคลุม ส่วนข้อเสียก็คือ ทำให้เกิดความยากในการตัดสินใจที่จะเลือก สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี The Ritz Clinic จะพาไปดูเองว่า โบท็อกซ์ยี่ห้อหลัก ๆ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร

1. โบท็อกซ์ อัลเลอร์แกน (Botox Allergan)

Botox Allergan คืออะไร

เป็นผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin จากสหรัฐอเมริกา เป็นยี่ห้อที่มีมานานและมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 3,500 ชิ้น จึงจัดได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและทั่วโลกให้การยอมรับ การออกฤทธิ์ทำได้แม่นยำและให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าพอใจ สารโบท็อกซ์ของยี่ห้อนี้จะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีความบริสุทธิ์มากถึง 99% และเมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

2. ดิสพอร์ต (Dysport)

Dysport คืออะไร

เป็นผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ ยี่ห้อนี้ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นจะอยู่ที่การกระจายตัวได้ดีของสาร ทำให้ไม่เกิดการกระจุกตัวอยู่ในจุดที่แคบ ๆ จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยให้ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงผู้ที่ต้องการลดกระชับสัดส่วน อย่างการลดต้นแขน กระชับน่อง สารโบท็อกซ์ของยี่ห้อนี้จะมีโมเลกุลขนาดปานกลาง และมีความบริสุทธิ์มากถึง 99% เมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

3. ซีโอมิน (Xeomin)

Xeomin คืออะไร

เป็นผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์จากเยอรมัน ยี่ห้อนี้มีการพัฒนาโดยการดึงเอาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ยี่ห้อที่ 1 และ 2 มาผสานกันไว้ ทำให้คุณสมบัติของยี่ห้อดูเป็นกลาง ๆ ระหว่างยี่ห้อที่ 1 และ 2 แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างมากของยี่ห้อนี้คือมีความบริสุทธิ์มากถึง 100% สารโบท็อกซ์ของยี่ห้อนี้จะมีโมเลกุลขนาดเล็ก เมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน

4. นาโบตะ (Nabota)

Nabota คืออะไร

เป็นผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์จากเกาหลี จุดเด่นของยี่ห้อนี้คือออกฤทธิ์เร็ว จึงตอบโจทย์คนที่ต้องการเห็นผลไวหลังการฉีด และยังมีราคาที่จับต้องได้ จึงทำให้เป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง สารโบท็อกซ์ของยี่ห้อนี้จะมีโมเลกุลขนาดเล็ก และมีความบริสุทธิ์มากถึง 95% เพราะออกฤทธิ์ไวจึงทำให้เมื่อฉีดแล้วผลลัพธ์จากการฉีดยี่ห้อจะอยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือน

เปรียบเทียบโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร

อย่างไรก็ดีก่อนจะตัดสินใจเลือก Botulinum Toxin ยี่ห้อใดก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ ดูองค์ประกอบหลาย ๆ ด้านก่อน หรือทางที่ดีควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้ชํานาญการ ก็จะทำให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับคุณที่สุดได้

ทำไมจึงควรฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ภาพงานวิจัยการฉีดโบท็อกติดต่อกันเป็นระยะเวลา 13 ปี
*ผลลัพธ์เปรียบเทียบ ฉีดโบท็อกซ์ 13 ปีภาพจากงานวิจัย Binder WJ. Long-term effects of botulinum toxin type A (Botox) on facial lines: a comparison in identical twins. Arch Facial Plast

มีงานวิจัยในต่างประเทศที่เคยศึกษาเปรียบเทียบการทำโบท็อกซ์ของฝาแฝด โดยให้คนหนึ่งฉีดโบท็อกซ์อย่างสม่ำเสมอทุก 3-6 เดือนที่บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา ทำต่อเนื่องแบบนี้มาเป็นระยะเวลา 13 ปี ขณะที่แฝดอีกคนตลอดระยะเวลา 13 ปี ทำโบท็อกซ์ไปเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น

ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ แฝดคนที่ฉีดอย่างต่อเนื่องนั้นมีผิวหน้าที่ยังคงเต่งตึง เรียบเนียน แม้กาลเวลาจะผ่านมา 13 ปี แต่เวลาที่แฝดคนนี้แสดงสีหน้าในอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะยิ้มหรือขมวดคิ้ว ก็ไม่มีริ้วรอย ซึ่งต่างจากคนที่ฉีดเพียง 2 ครั้งใน 13 ปี จะมีริ้วรอยที่ชัดเจนมากกว่า นั่นจึงทำให้สามารถสรุปได้ว่า การฉีด Botulinum Toxin อย่างต่อเนื่องไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว และยังจะช่วยให้การลดริ้วรอยได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่าการฉีดแบบไม่ต่อเนื่องอีกด้วย

ควรเริ่มฉีดโบท็อกซ์ตอนอายุเท่าไร

โดยทั่วไปจะแนะนำให้เริ่มต้นฉีดโบท็อกซ์ เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป 

แต่เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้แตกต่างไปจากสมัยก่อน รวมถึงปัจจัยแวดล้อมทั้งสภาพอากาศ มลภาวะ แสงแดด และสิ่งเร้าต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คนเกิดปัญหามีริ้วรอยก่อนวัยได้ 

ดังนั้นในปัจจุบันแพทย์จึงแนะนำว่า แม้คุณจะอายุยังไม่ถึง 35 ปี แต่ถ้าเริ่มพบปัญหาริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า หรือมีความต้องการที่จะปรับรูปหน้าให้เกิดความสมดุลก็สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อทำการฉีดได้เลย 

และควรทำการฉีดสาร Botulinum Toxin อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอด้วย เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยถาวร ในทางการแพทย์เรียกว่า “Prophylaxis” หรือก็คือ “การฉีดป้องกันก่อนเกิดริ้วรอยถาวร” นั่นเอง

5 เหตุผลที่คุณควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ ที่ The Ritz Clinic

เหตุผลที่คุณควรฉีด Botulinum Toxin ที่ The Ritz Clinic
  1. ดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และชำนาญการด้านการฉีด Botulinum Toxin โดยเฉพาะ
  2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ของแท้ ผ่านการนำเข้าที่มีมาตรฐาน มั่นใจได้ในความปลอดภัย เพราะผลิตภัณฑ์ทุกยี่ห้อที่เลือกใช้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพทั้งจากอเมริกา ยุโรป และไทย (U.S.FDA, TH-FDA, CE) 
  3. มีผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ให้เลือกใช้หลายรุ่นหลายยี่ห้อ ซึ่งทำให้ตอบโจทย์รูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของคนไข้ได้อย่างครอบคลุม
  4. การันตีในผลลัพธ์ที่ออกมา พึงพอใจในแบบที่คุณต้องการ
  5. มีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไข้เกิดความมั่นใจและยังมีการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทั้งก่อนและหลัง ทำให้คนไข้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีด Botulinum Toxin

  1. ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  2. ควรหยุดยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้อักเสบ แอสไพริน น้ำมันตับปลา วิตามินอี เป็นต้น เป็นเวลา 7-14 วัน
  3. ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง
  4. เลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่เป็นของแท้เท่านั้น
  5. ควรให้แพทย์ผสมสาร Botulinum Toxin ให้ดูทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าสารที่จะฉีดไม่ได้ถูกน้ำเกลือเจือจางมากเกินไป

หลังฉีด Botulinum Toxin แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร

ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณที่ฉีด และเป้าหมายในการรักษา มีรายละเอียดดังนี้

  • ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย : หลังจากฉีด 3 – 7 วันจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณรอบ ๆ ที่ฉีด และริ้วรอยจะลดลงและเห็นผลอย่างเต็มที่ภายใน 2 – 4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า : จะเริ่มเห็นผลประมาณ 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนภายใน 1 เดือน โดยจะรู้สึกตึงกระชับที่บริเวณกรอบหน้า และกรอบหน้าดูชัดมากขึ้น
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม : จะเริ่มเห็นผลหลังจากที่ฉีดไปแล้ว 1 สัปดาห์ โดยเวลากัดฟันแล้วกรามจะเด้งเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ กัดฟันแล้วกรามจะไม่เด้งออกเลย และภายใน 2 – 3 เดือน กรามจะมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ : เหงื่อบริเวณที่ฉีดจะลดลงและเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 – 4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์บ่า แขน และน่อง : เนื่องจากบริเวณนี้กล้ามเนื้อจะมีขนาดใหญ่กว่าส่วนอื่น ๆ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน

ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน

ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน สำหรับใครที่ต้องการคงผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ไว้ก็สามารถเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่อง ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำได้

ฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียงไหม

แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยและได้รับการยอมรับในทั่วโลก แต่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน โดยผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์มีดังนี้

  • มีอาการบวม แดง รอยช้ำจากเข็ม หรือเขียว ตรงบริเวณที่ฉีด
  • มีอาการแพ้ เห่อแดง บริเวณที่ฉีด
  • หน้าแข็งตึง หน้าไม่สมมาตร ไม่สามารถยิ้ม หรือบังคับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าได้ เกิดจากการฉีด Botulinum Toxin ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดในปริมาณที่มากเกิน
  • หนังตาตก เกิดจากกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว
  • หางคิ้วกระดก เกิดจากการฉีด Botulinum Toxin ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น ซึ่งในบางคนยังอาจทำให้เกิดรอยย่นข้างที่คิ้วกระดกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการเลือกฉีด Botulinum Toxin กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดโบท็อกซ์โดยเฉพาะ เลือกใช้  Botulinum Toxin ของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสม

ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไหร่

ราคาฉีดโบท็อกซ์จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์และปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ โดยการฉีดโบท็อกซ์ที่ The Ritz Clinic มีราคาเริ่มต้นดังนี้

  • BOTOX (100 U) : เริ่มต้น 19,900 บาท
  • DYSPORT (300 DU) : เริ่มต้น 19,900 บาท
  • NABOTA (100 U) : เริ่มต้น 12,900 บาท
  • XEOMIN (100 U) : เริ่มต้น 19,900 บาท

สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินสภาพผิวได้ที่ The Ritz Clinic ทุกสาขา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จองคิวออนไลน์ได้เลยที่ Line OA: @theritzclinic Instagram : theritzclinic.official Facebook Inbox: THE RITZ หรือโทรศัพท์ 088-892-2666*ราคาโปรโมชันฉีดโบท็อกซ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมก่อนสั่งซื้อแพ็กเกจ

ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี

แม้ว่าการฉีด Botulinum Toxin จะเป็นหัตถการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าที่มีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ด้านความงามทั่วโลก มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายในระยะยาว 

แต่ถ้าทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ แล้วแพทย์เลือกฉีด Botulinum Toxin ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือใช้ปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าตึงเกินไป หน้าไม่สมมาตร หนังตาตก หรือคิ้วกระดก ตามมาได้

เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีด Botulinum Toxin มีประสิทธิภาพมากที่สุด แนะนำให้เลือกคลินิกฉีดโบท็อกซ์ด้วยปัจจัยต่อไปนี้

  • ห้องทำหัตถการสะอาด ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล คลินิกมีความเชื่อถือ ราคาสมเหตุสมผล และใช้ Botulinum Toxin ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น
  • ก่อนที่จะทำหัตถการ จะต้องเปิดกล่อง Botulinum Toxin ใหม่ต่อหน้าเราทุกครั้ง ต้องมีตัวหนังสือภาษาไทยแสดงเลขที่ อย. วันผลิตและวันหมดอายุที่กล่องกับขวดจะต้องตรงกัน มีข้อมูลระบุว่านำเข้าโดยบริษัทใด และจะต้องสามารถขอกล่อง Botulinum Toxin กลับมาตรวจสอบได้
  • แพทย์มีความชำนาญการในการฉีด Botulinum Toxin โดยเฉพาะ
  • มีรีวิวการฉีด Botulinum Toxin จากผู้ใช้บริการจริงมากมาย
ฉีดโบท็อกซ์บ่อยทำให้ดื้อยาจริงไหม

เมื่อเลือกฉีดโบท็อกซ์ ริ้วรอยจะกลับมา หรือมีมากกว่าเดิมไหม

ริ้วรอยจะค่อย ๆ กลับมาตามสภาวะของคนไข้ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ฉีดโบท็อกซ์บ่อย ๆ จะทำให้เกิดการดื้อยาจริงหรือไม่

จริง เพื่อลดโอกาสเกิดการดื้อโบท็อกซ์​ จึงควรเว้นระยะเวลาในการฉีดอย่างน้อย 3 เดือน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพราะการฉีด Botulinum Toxin ที่ไม่มีคุณภาพ อาจมีสารปนเปื้อนอยู่ ซึ่งจะทำให้เกิดการดื้อยาได้ง่าย

สรุปเรื่องการฉีดโบท็อกซ์

สรุปได้ว่า การลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าด้วยการฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดี สามารถทำได้ต่อเนื่องและมีความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ดีเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้ตัวคุณได้รับสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดนั่นเอง

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ที่ The Ritz Clinic

รีวิวโปรแกรม

Botulinum Toxin

“สตังค์ แบงค์ เลือกฉีดโบท็อก ที่ The Ritz Clinic เพราะว่าใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก และที่สำคัญ สตังค์ แบงค์ เลือกฉีดที่เป็นประจำ เพราะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และได้รับมาตรฐานจาก U.S. FDA, Thai FDA คลินิกให้คำแนะนำดีมาก”

คุณสตังค์ แบงค์

รีวิวฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์กรามก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์กรามก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์กรามก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์กรามก่อนทำและหลังทำ
รีวิวฉีดโบท็อกซ์กรามก่อนทำและหลังทำ
Share

Related Services

Filler มีบทความ
ORGANIC-FAT-BOMB

ORGANIC-FAT-BOMB

ซื้อโปรแกรม LIFU

ลดทันที 5,000 .-

ปรึกษาฟรี
ถามหมอได้เลยครับ