ปัญหารอบดวงตาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ผิวใต้ตาดำคล้ำ หรือถุงใต้ตา เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สังเกตเห็นได้ชัด เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สดใส เหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอยู่ตลอดเวลา และแก่กว่าวัยได้
“ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” นับเป็นหนึ่งในวิธีรักษาปัญหาเหล่านี้ที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและไวที่สุด แถมยังเจ็บตัวน้อย และไม่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน จึงทำให้ได้รับความนิยมไปในทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน แล้วสงสัยว่าฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน? ต้องเว้นระยะในการฉีดแต่ละครั้งนานเท่าไหร่? เดอะริทซ์คลินิก (THE RITZ CLINIC) หาคำตอบมาให้แล้ว พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างเหมาะสม จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย
ฟิลเลอร์ใต้ตาอยูได้กี่เดือน
ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกใช้หลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรุ่นย่อยให้เลือกลงไปอีกมากมาย ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ และอายุของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน
สำหรับใครที่สงสัยว่าฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือนนั้น เรามีข้อมูลของฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อหลัก ๆ ที่ผ่านการรับรองของอย. ไทยมาฝาก ดังนี้
1. Restylane (สวีเดน)
เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่พัฒนาขึ้นจากประเทศสวีเดน มีการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยมากที่สุด นำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และในปัจจุบันก็ยังมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา มีดังนี้
- Restylane Classic : อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งปานกลาง สามารถใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยตื้น-ลึกได้
- Restylane Vital Light : อยู่ได้นาน 6-12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะมีอนุภาคขนาดเล็กและอ่อนนุ่มที่สุด เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก ๆ
- Restylane Lyft : อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะเนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล จากกการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา
- Restylane Defyne : อยู่ได้นาน 18 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะมีความแข็งปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถนำมาใช้ฉีดบริเวณใต้ตาได้เช่นกัน
2. Juvederm (อเมริกา)
เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกาที่ได้รับรองคุณภาพและความปลอดภัยแล้วทั้งจาก อ.ย. อเมริกา และ อย. ไทย นำเข้าโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเดียวกับโบทูลินัมท็อกซินยี่ห้อยอดนิยมอย่าง “โบท็อกซ์ อัลเลอร์แกน (Botox Allergan)” ที่เราคุ้นเคยกันดี
สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา มีดังนี้
- Juvederm Ultra plus : อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะนิ่มและฟูมาก สามารถใช้แก้ปัญหาร่องลึกบริเวณใต้ตาได้ดี
- Juvederm Volite : อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวได้ สามารถใช้ฉีดบริเวณใต้ตา และฉีดผิวฉ่ำน้ำได้เช่นกัน
- Juvederm Voluma : อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะแข็ง ฟูปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาบริเวณใต้ตา คาง ขมับ ร่องแก้ม และแก้มส้มได้
3. Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)
เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดย บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเดียวกับเครื่องยกกระชับ Ulthera SPT และโบทูลินัมท็อกซินยี่ห้อซีโอมิน (Xeomin) โดยจะมีความน่าสนใจตรงที่ใช้ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการผลิตทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น
สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา มีดังนี้
- Belotero Soft (กล่องสีเหลือง) : อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน จะมีเนื้อละเอียดและมีโมเลกุลเล็ก ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา และทำให้ผิวฉ่ำน้ำขึ้นได้
- Belotero Volume (กล่องสีม่วง) : อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน เนื้อจะมีความยืดหยุ่นและคงตัวได้ดี เหมาะสำหรับใช้เพื่อปรับรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็น บริเวณใต้ตา คาง ขมับ หรือแก้มส้ม
- Belotero Balance (กล่องสีส้ม) : อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน จะเหมาะสำหรับทำให้ผิวเรียบเนียน นิยมนำมาใช้บริเวณใต้ตา
การเปลี่ยนยี่ห้อฟิลเลอร์จะทำให้เกิดผลข้างเคียงอะไรไหม
หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่เป็นของแท้ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และฉีดโดยแพทย์ที่ความเชี่ยวชาญ การเปลี่ยนยี่ห้อฟิลเลอร์ไม่ได้ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ครั้งต่อไป แนะนำให้เว้นระยะห่างก่อนอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อรอให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปสลายให้หมดก่อน
หากอยากทราบระยะเวลาที่แน่นอน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา โดยให้แจ้งยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ฉีด รวมถึงตำแหน่งและวันที่ฉีดฟิลเลอร์ ก็จะช่วยให้แพทย์คาดการณ์เวลาที่เหมาะสมในการฉีดฟิลเลอร์ครั้งใหม่ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ดูแลตัวเองยังไงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว จะต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเกา สัมผัส ขยี้ หรือหยีตาบ่อย ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังทำหัตถการ เพื่อป้องกันสารเติมเต็มเคลื่อนตัวจนอยู่ผิดตำแหน่งได้
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูและคงสภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อน เช่น แสงแดดจัด การออกกำลังกายกลางแจ้ง การซาวหน้า หรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้ไวขึ้น
- งดแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือวิตามินซีภายใน 24 ชั่วโมง
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว อาจเกิดอาการเขียวช้ำ หรือบวมแดงได้ โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 2-3 วัน
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว อาจมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
- ถ้าหากผ่านไป 3-5 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้น หรือมีผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ปวดมากขึ้นกว่าเดิม อาการบวมขึ้นเรื่อย ๆ กดเจ็บบริเวณที่ฉีด ผิวแดงหรือคล้ำผิดปกติ หรือร้อนบริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจเป็นอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือฟิลเลอร์อักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สรุปบทความ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้คลายข้อสงสัยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน และช่วยให้คุณสามารถวางแผนระยะเวลาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในแต่ละครั้งได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ไม่รู้จะฉีดที่ไหนดี ให้ THE RITZ CLINIC เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เราฉีดด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาพิเศษที่มีเฉพาะที่ THE RITZ CLINIC เท่านั้น อย่าง “Tri-Ligament Under Eyes Lifting Technique” ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาและช่วยยกโครงสร้างบริเวณใบหน้าไปพร้อม ๆ กัน รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- ติดต่อโดยตรงที่เดอะริทซ์คลินิก The Ritz Clinic ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน
- Facebook Inbox THE RITZ : https://www.facebook.com/theritzclinic
- Line Official Account : @theritzclinic
- Instagram : theritzclinic.official
- โทรเข้า Call Center ของ The Ritz Clinic : 088-892-2666
เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ทีมคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: Healthline, All About Vision