Call Center : 088-892-2666
Line OA : @Theritzclinic
Open hours : 10:00 – 20:00

เปรียบเทียบ Sculptra VS Radiesse กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าด้วยอันไหนดี?

- By Dr. Ritz
Sculptra vs Radiesse

เมื่อพูดถึงการฉีดสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว หรือ Collagen Biostimulator เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงหัตถการมาแรงอย่าง Sculptra และ Radiesse แน่นอน แล้วทั้ง 2 ตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าด้วยอันไหนดี THE RITZ CLINIC จะพาไปเปรียบเทียบ Sculptra VS Radiesse กัน อ่านได้เลยที่บทความนี้

Sculptra คืออะไร?

Sculptra คือ อนุภาคของกรด PLLA (Poly-L-Lactic-Acid) ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. จัดเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ตัวแรกและตัวเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก U.S. FDA มีความปลอดภัย สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ มีการใช้งานงานมายาวนานกว่า 20 ปี ใน 40 ประเทศทั่วโลก

Sculptra นั้น จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีการส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์  (Fibroblast) ให้มารวมตัวกันมากขึ้น โดยไฟโบรบลาสต์จะเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน จึงทำให้เกิดการสร้าง Collagen Type 1 และอีลาสตินใหม่ ทำให้มีความยืดหยุ่น แข็งแรง กระชับ ผิวหน้าเรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์หลังทำ Sculptra

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างCollagen Type 1 ได้ถึง 66.5% และอีลาสตินใหม่ตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย
  • ช่วยยกกระชับผิว เพิ่มความยืดหยุ่น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • เติมเต็มผิวให้ฟู ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าให้ตื้นขึ้น
  • ฟื้นฟูโครงสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงในระยะยาว

Radiesse คืออะไร?

Radiesse คืออะไร

Radiesse คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Regenerative Biostimulator) ตัวใหม่ล่าสุด มีส่วนประกอบหลักเป็น CaHA (Calcium Hydroxyapatite) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูการทำงานของไฟโบรบลาสต์ โดยตรง จึงสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินได้เช่นกัน

ผลลัพธ์หลังทำ Radiesse

  • ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I +150% และ Collagen Type III +130% ซึ่งเป็นชนิดของคอลลาเจนที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเนียนนุ่ม และเต่งตึงเหมือนเด็กอีกครั้ง
  • กระตุ้นการสร้าง Proteoglycan ที่เป็นสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว ที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและกรดไฮยาลูรอนิค ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและอิ่มฟู
  • กระตุ้นการสร้าง Angiogenesis ที่เป็นหลอดเลือดเล็กใต้ชั้นผิว ทำให้ลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวมีสุขภาพดีและมีเลือดฝาด
  • ผลลัพธ์ที่ตามมา จะทำให้เกิดเส้นใยตาข่ายผิว หรือโครงสร้างชั้นผิวที่แข็งแรง ส่งผลให้ผิวหน้ากระชับ ผิวแน่น และอิ่มฟูนั่นเอง

Sculptra VS Radiesse ควรเลือกกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าด้วยวิธีไหนดี?

Sculptra vs Radiesse เลือกอันไหนดี

ถึงแม้ทั้งสองผลิตภัณฑ์จะสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่หลักการทำงาน และผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจน โดย Sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านระบบภูมิคุ้มกัน สามารถกระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับ เพิ่มปริมาตรผิวให้หนาตัวขึ้น ผิวแน่นยืดหยุ่น และคุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้นได้

ส่วน Radiesse จะเข้าไปฟื้นฟูการทำงานของไฟโบรบลาสต์โดยตรง และนำไปสู่การกระตุ้นการสร้างสารสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Collagen Type 1, Type 3, Elastin, Proteoglycan และ Angiogenesis จึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม ทำให้ผิวแน่นเฟิร์มกระชับ อิ่มฟู และผิวดูกระจ่างใสอมชมพู

สำหรับใครที่ไม่รู้จะเลือกกระตุ้นคอลลาเจนตัวไหนดี แนะนำให้เข้ามาพบคุณหมอที่ THE RITZ CLINIC เพื่อตรวจสภาพผิวและให้คุณหมอช่วยเลือกก็จะดีที่สุด เนื่องจากทั้งสองผลิตภัณฑ์ต่างมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนที่ดีทั้งคู่เลย

Sculptra และ Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม?

สามารถฉีด Sculptra และ Radiesse ร่วมกันได้ แต่จะต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกบริเวณฉีดของแต่ละผลิตภัณฑ์ตามความเหมาะสม แต่ถ้าจะฉีดบริเวณเดียว ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 – 3 เดือน 

Sculptra และ Radiesse ฉีดกี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม?

หลังจากที่ฉีด Sculptra และ Radiesse ไปแล้ว ผิวจะได้รับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1 – 3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการดูแลผิว อายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าทั้ง Sculptra และ Radiesse ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานหลายปีด้วย ใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่แข็งแรง ขาดความยืดหยุ่น แนะนำให้ลองทำหัตถการทั้งสองตัวนี้เลย เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง 2 – 3 ครั้ง รับรองว่าจะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาอิ่มฟู เรียบเนียน และกระชับขึ้นแน่นอน

หากสนใจ สามารถจองคิวมารับบริการที่ THE RITZ CLINIC ได้เลย ทุกเคสได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนทำ เพื่อการรักษาปัญหาผิวอย่างตรงจุดและเห็นผล รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ทีมคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Share

Related Articles

Picosecond-Laser มีบทความ
เคล็ดลับหน้าเด็ก ย้อนวัยผิว
อาการดื้อโบท็อก

Moveo Red Laser

ราคาทดลอง 990.-

ปรึกษาฟรี
ถามหมอได้เลยครับ