ถ้าอยากจะมีผิวหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และมีความสุขภาพดี สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเลยก็คือการดูแลผิวทั้งจากภายในและภายนอกตั้งแต่เนิ่น ๆ พร้อมหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัย แล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง THE RITZ CLINIC ได้รวม 5 เคล็ดลับหน้าเด็ก ย้อนวัยผิวให้สวยใสมาให้แล้ว สามารถทำตามได้ง่าย ๆ รับรองว่าทำแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน
ปัจจัยที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย
ก่อนที่จะไปดูเคล็ดลับหน้าเด็ก คุณควรที่จะทำความรู้จักกับปัจจัยที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัยกันก่อน เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงได้ถูก ป้องกันไม่ผิวถูกทำลายบ่อย ๆ จนเสื่อมเร็วกว่าปกติ โดยปัจจัยที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัยมีดังนี้
- การมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ : ไม่ว่าจะเป็น การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึกจนเกินไป รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์และกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทั้งของทอด ของมัน น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารแปรรูป รวมไปถึงการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
- การดื่มน้ำที่น้อยเกินไป : น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย การที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไป จะทำให้เซลล์ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น มีริ้วรอย และหน้าแก่กว่าวัยได้
- ความเครียดสะสม : เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้ และถ้าเรามีอนุมูลอิสระมากเกินไปจนร่างกายกำจัดไม่หมด สารตัวนี้ก็จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิว คอลลาเจน และอีลาสติน ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
- แสงแดด : เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัยได้ โดยในแสงแดดจะมีรังสี UVA และ UVB ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดสีเมลานิน เมื่อสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ ก็จะทำให้ใบหน้าขาดความยืดหยุ่น มีริ้วรอย เกิดการระคายเคือง ผิวหมองคล้ำ หน้าเป็นฝ้ากระ และแก่กว่าวัยได้นั่นเอง
5 เคล็ดลับหน้าเด็กทำได้ง่าย ๆ ทุกคน
หลังจากที่รู้แล้วว่า ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัย ต่อไปเราจะพาไปดูเคล็ดลับหน้าเด็กกัน ถ้าทำครบทั้ง 5 ข้อนี้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณมีผิวที่สุขภาพดี และมีผิวหน้าที่เด็กสมวัยแน่นอน!
1. ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวของเรา การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดเป็นประจำจึงเป็นสิ่งแรกที่คนอยากมีผิวหน้าเด็กไปนาน ๆ ควรทำเลย โดยแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว มีค่า SPF 50+ PA++++ และทาให้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม (ประมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือเท่ากับเหรียญสิบ สำหรับใบหน้าและลำคอ) และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง ในกรณีที่ต้องอยู่สถานที่กลางแจ้ง มีเหงื่อออกมาก หรือโดนน้ำบ่อย ๆ
2. รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ถึงแม้เราจะหลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลภาวะและสารอนุมูลอิสระไม่ได้ แต่เราก็สามารถรับมือได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เพื่อที่จะเข้าไปจับและยับยั้งอนุมูลอิสระในร่างกายให้น้อยลง โดยแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีดังนี้
- ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม สับปะรด มะละกอสุก บล็อกโคลี่ คะน้า ใบปอ ผักหวาน ผักกาดเขียว หรือพริกชี้ฟ้าเขียว
- อาหาร หรือผลิตภัณฑ์จากธัญพืชที่อุดมด้วยวิตามินอี เช่น น้ำมันจากจมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดอัลมอนด์ รวมถึงตับหมู ตับไก่ ไข่ น้ำนม ผักที่มีสีเขียวเข้ม สีเหลือง หรือสีส้มด้วย
- ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม หรือมะละกอ
- แหล่งอาหารที่มีซีลีเนียม เช่น อาหารทะเล ปลาทูน่า เนื้อสัตว์ ตับ ไก่ หรือขนมปังโฮลวีท
3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย และมีส่วนช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมถึงช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในผิวมากขึ้น ทำให้ผิวมีเลือดฝาดและดูกระจ่างใสขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสารเคมีในร่างกายที่มีส่วนช่วยชะลอวัย เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนความสุขอย่างโดพามีน (Dopamine) ที่ทำให้รู้สึกดี และลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดได้อีกด้วย
5. หมั่นบริหารความเครียดให้ดี
ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรามีผิวหน้าที่หมองคล้ำ แก่กว่าวัยและถ้ามีความเครียดสะสมเรื้อรังไปนาน ๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมได้เลย ใครที่อยากมีผิวหน้าเด็กไปนาน ๆ การให้ความสำคัญกับการจัดการความเครียดของตนเอง ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย
หากคุณรู้สึกว่ามีความเครียดอยู่ ไม่ว่าจะเครียดจากงาน หรือการเรียน อย่าลืมที่จะลองหาวิธีจัดการความเครียดดู ซึ่งก็มีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย นั่งสมาธิ จัดสรรเวลาการใช้ชีวิตประจำวันให้สมดุลมากขึ้น ปรับเปลี่ยนความคิดของตนเองให้เป็นคนคิดบวก หรือวิธีที่ง่ายที่สุดอย่างการหากิจกรรมที่ตัวเองชอบทำในวันหยุด เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว ทำอาหาร หรืออ่านหนังสือ เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยลดความเครียดลงไม่มากก็น้อยแล้ว
เคล็ดลับหน้าเด็กทันใจด้วยโบท็อกลดริ้วรอย
ในบางครั้ง แค่การดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมอาจไม่เพียงพอ สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าเกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังมองหาหัตถการที่ช่วยลด หรือชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยที่น่าเชื่อ และมีงานวิจัยรองรับ การฉีดโบทูลิมนัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือโบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
โดยโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น รอยย่นที่หน้าผาก หรือรอยตีนกา ทำให้กล้ามเนื้อที่หดตัวอยู่เกิดการคลายตัว และทำงานได้ลดลง ส่งผลให้ผิวหนังตึงขึ้น ผิวหน้ากระชับมากขึ้น และริ้วรอยต่าง ๆ ดูตื้นขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 2 – 4 สัปดาห์
สำหรับใครที่สนใจฉีดโบท็อก ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบท็อกลดกราม โบท็อกลิฟกรอบหน้า โบท็อกหน้าผาก หรือโบท็อกลดริ้วรอย แต่ไม่รู้จะไปทำคลินิกฉีดโบท็อกที่ไหนดี สามารถจองคิวมารับบริการที่ THE RITZ CLINIC ได้เลย เรามีโบท็อกยี่ห้อช้ั้นนำให้เลือกหลาย ไม่ว่าจะเป็น อัลเลอร์แกน (Botox Allergan), ดิสพอร์ต (Dysport), ซีโอมิน (Xeomin) หรือนาโบตะ (Nabota) ทุกเคสได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนทำ เพื่อการรักษาปัญหาผิวอย่างตรงจุดและเห็นผล ที่สำคัญมีรีวิวฉีดโบท็อกเพียบ รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- ติดต่อโดยตรงที่เดอะริทซ์คลินิก THE RITZ CLINIC ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน
- Facebook Inbox THE RITZ : https://www.facebook.com/theritzclinic
- Line Official Account : @theritzclinic
- Instagram : theritzclinic.official
- โทรเข้า Call Center ของ THE RITZ CLINIC : 088-892-2666
เจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ทีมคุณหมอพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด