Call Center : 088-892-2666
Line OA : @Theritzclinic
Open hours : 10:00 – 20:00

PICO-SCAR

- By Dr. Ritz

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

หลุมสิวเกิดจากอะไร

หลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นลักษณะของบาดแผลชนิดหนึ่งอยู่ที่ผิว โดยจัดเกิดขึ้นมาจากการอักเสบของสิวที่หายเรียบร้อยแล้ว โดยได้ทิ้งรอยบาดแผลไว้ ซึ่งรอยแผลที่เกิดจากสิวที่เราเห็นจากผิวด้านบนทั่วๆไปนั้นแท้จริงแล้วรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม สิวหัวหนอง สิวหัวช้างใหญ่ สิวอักเสบชนิดต่างๆ สามารถลงลึกไปจนถึงชั้นผิวด้านใน หลังจากที่สิวอักเสบได้หายดีแล้วและทิ้งรอยบาดแผลไว้แต่ผิวไม่สามารถกลับมาสมานกันได้อย่างเหมือนเดิมเต็มที่จึงทำให้เกิดบาดแผลนั่นเอง ซึ่งบาดแผลที่ได้มาจากการเป็นสิวอักเสบมาจากการที่ในระหว่างที่เป็นสิวเกิดพังผืดที่ดึงหนังทำให้ผิวหนังยุบลงไปตามกระบวนการรักษาแผลที่เกิดจากร่างกาย เมื่อผิวมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่ผิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบก็จึงเป็นรอยบุ๋มลงไปทำให้ไม่เรียบเนียนไม่เท่ากัน หลายคนเมื่อเป็นสิวจำนวนมากส่งผลทำให้มีหลุมสิวเกิดจำนวนเยอะตามมานั้นเอง 

เราจะสามารถสรุปได้ว่าหลุมสิวก็คือรูปแบบของรอยแผลเป็นซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาของการเกิดสิว โดยจะสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสิวอุดตันสิวอักเสบและสิวจากทุกประเภท ยิ่งสิวมีการอักเสบและขนาดใหญ่อาจจะทำให้ชั้นผิวเกิดกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังเพิ่มมากขึ้นและทำให้ผิวมีชั้นที่ไม่เท่ากันในระหว่างที่กำลังซ่อมแซมผิว เราจะเห็นเป็นรอยบุ๋มและเรียกว่าหลุมสิว อย่างไรก็ตามกระบวนการที่ร่างกายใช้ในการรักษาหลุมสิวก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่สิวหายดีแล้ว โดยร่างกายจะมีกระบวนการในการซ่อมแซมตัวเองโดยสร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นมาใหม่ มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาในบริเวณที่มีการอักเสบ หากกระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ร่างกายก็จะกลับมามีผิวที่สมานและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวจากการเกิดสิว แต่ปัญหาก็คือหากระบวนการในการซ่อมแซมของร่างกายไม่สมบูรณ์ มีการอักเสบของผิวบริเวณนั้นรุนแรง ทำให้คอลลาเจนที่ร่างกายสร้างไม่เพียงพอในการซ่อมแซมเซลล์ผิวบริเวณที่เสียหายจากการเกิดสิว หรือเซลล์เนื้อเยื่อได้รับผลกระทบก็สามารถทิ้งแผลเป็นขนาดใหญ่เอาไว้ได้ 

ชนิดของสิวที่อาจส่งผลให้เกิดหลุมสิว 

เราสามารถจำแนกประเภทของสิวที่สามารถส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นจนทำให้เกิดหลุมสิวได้หลักๆดังนี้

  • สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) ลักษณะสิวขนาดใหญ่ที่อักเสบรุนแรง โดยจะมีหนองและเลือดอยู่ภายในหัวสิว มักจะเป็นสิวที่สังเกตได้ชัดเจนและหากเกิดเป็นสิวหัวช้างแล้วจะต้องนำหนองออกและร่างกายจำเป็นจะต้อง ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน
  • สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง อักเสบเรื้อรัง อาจจะเป็นสิวที่มีขนาดไม่ใหญ่มากก็ได้แต่จะเป็นลักษณะของผิวที่เกิดการอักเสบหรือเป็นหนองขึ้นมาหรือมีการอักเสบต่อเนื่องเรื้อรัง ลักษณะนี้ก็อาจส่งผลให้เกิดหลุมสิวได้
  • สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว (Nodule) อีกกลุ่มหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักคือสิวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยหากผิวได้รับเชื้อแบคทีเรียบางชนิดก็อาจส่งผลให้เกิดสิว และแบคทีเรียนี้ก็อาจจะสามารถไปถึงใต้ชั้นผิวทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นมาต่อเนื่องหรือสิวรุนแรงที่มีขนาดใหญ่อักเสบได้
หลุมสิวมีกี่ประเภท?

เราควรจะทำความเข้าใจเรื่องของประเภทของหลุมสิวเนื่องจากจะช่วยจำแนกระดับความรุนแรงได้ว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาของรอยแผลเป็นและหลุมสิวในระดับใด โดยเราสามารถแบ่งประเภทของหลุมสิวได้ 3 ประเภทดังนี้

1. ประเภท Ice Pick Scar

ในประเภทนี้จะเป็นลักษณะของหลุมสิวที่หัวหลุมค่อนข้างแคบหรือปากแคบซึ่งจะมีขนาดไม่เกิน 2 มิลลิเมตรถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุดเพราะเป็นหลุมที่ลึกที่สุดเกิดจากการกดหรือบีบสิวอุดตันที่อักเสบเรียกว่ารักษายากที่สุดเพราะมีความลึก ตัวสิวกินเนื้อไปจนถึงบริเวณรูขุมขนและลงลึกไปจนถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนบริเวณดังกล่าวหายไปด้วย อาจต้องใช้วิธีในการฟื้นฟูอย่างถูกต้องและใช้ระยะเวลานานกว่าประเภทอื่นๆ

2. ประเภท Box Scar 

ลักษณะนี้จะเห็นเป็นหลุมขนาดกว้างเห็นขอบหลุมสิวที่ชัดเจนผิวมีความไม่เรียบแต่จะไม่ลงลึกมากอยู่ในระดับความรุนแรงปานกลางและพบว่าเป็นพังผืดสิว โดยจะเป็นลักษณะของการเกาะติดด้านในของชั้นหนังแท้

3. ประเภท Rolling Scar 

ในระดับนี้ถือเป็นหลุมสิวทั่วๆไปที่ยังอยู่ในระดับชั้นผิวที่อยู่บริเวณด้านบน โดยปากหลุมอาจมีลักษณะเป็นแอ่งเว้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น มีความรุนแรงระดับน้อยที่สุด สามารถรักษาได้ง่ายมากที่สุดกว่าประเภทหลุมสิวชนิดอื่นๆ

โปรแกรม PICO-SCAR ช่วยรักษาหลุมสิวได้อย่างไร?

เราจะพบว่าลักษณะของหลุมสิวสังเกตได้ง่ายมาก โดยจะสังเกตเห็นได้เลยว่าบริเวณผิวนั้นมีความขรุขระ ผิวไม่เรียบเนียน ผิวอาจมีรอยบุ๋มลึก บางหลุมขนาดใหญ่ บางหลุมขนาดเล็ก โดยสามารถเปรียบเทียบกับชั้นผิวที่บริเวณโดยรอบปกติได้เลยว่ามีหลุมลงไปอย่างเห็นได้ชัด บางคนอาจจะมีปัญหาหลุมสิวจำนวนมากหรือจำนวนน้อย ล้วนแต่ส่งผลทำให้ขาดความมั่นใจ และแน่นอนว่าปัญหาของหลุมสิวรักษายากเนื่องจากเป็นลักษณะของแผลเป็นชนิดหนึ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลาและวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อช่วยไม่ให้เกิดปัญหาผิวที่พังต่อเนื่องและเรื้อรังจนทำให้ผิวไม่แข็งแรงและรักษาได้ยากขึ้นกว่าเดิม

• LIOB

LIOB หรือ Laser Induced Optical Breakdown คือการใช้พลังงานเลเซอร์ในการยิงไปที่บริเวณผิวที่มีปัญหาและต้องการรักษาหลุมสิว โดยรูปแบบ LIOB จะเป็นการกระตุ้นให้ผิวสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ให้กับชั้นผิวภายในบริเวณที่เกิดปัญหาดังกล่าว เพราะผิวที่มีปัญหามักจะขาดการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่และหากร่างกายสามารถได้รับการกระตุ้นและสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้งก็จะเป็นการช่วยรักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้นและดีขึ้นได้ และยังเป็นการทำให้ผิวเรียบเนียนช่วยกระชับรูขุมขน ซึ่งการที่ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนขึ้นมาได้ด้วยตนเองจะส่งผลในเรื่องของการรักษาหลุมสิวที่เรียบเนียนและกลับมามีผิวที่สมานกันได้เหมือนเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำเลเซอร์เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจน หรือที่เรียกว่า Laser Induced Optical Breakdown
จะมีการใช้หัวยิงพิเศษหัว Full Beam  และหัว Fractional สามารถให้พลังงานความถี่ที่แตกต่างกัน โดยจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรับการรักษาว่าจะต้องการฟื้นฟูเซลล์ผิวบริเวณที่เกิดปัญหาอย่างไร ความแตกต่างของหัวยิงดังกล่าวคือพลังงานเลเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมาจากหัวยิงทั้ง 2 รูปแบบจากส่งผลในเรื่องของรูปแบบความถี่ของพลังงานเลเซอร์ ซึ่งจะต้องทำการใช้เลเซอร์ในการยิงโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการรักษาครอบคลุมและเต็มรูปแบบ

ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการรักษา ด้วยการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนรูปแบบ LIOB หรือ Laser Induced Optical Breakdown จะช่วยรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้แก่ การรักษาหลุมสิว โดยสามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท ช่วยให้ผิวมีรูขุมขนที่กระชับขึ้น ผิวได้รับการกระตุ้นเพื่อให้สร้างและผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว เมื่อได้รับการกระตุ้นแล้วมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยผิวจะแลดูตื้นขึ้นมีความเนียนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรงและกระจ่างใสขึ้นตามลำดับ

• เทคนิคพิเศษเฉพาะที่ เดอะริทซ์ คลินิก ที่มีชื่อว่า “ Double Layer and Laser Combination ” ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดย นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ

โดยปกติแล้วละอาจจะเห็นรูปแบบการรักษาด้วยวิธีการเลเซอร์ตามคลินิกทั่วๆไป ด้วยความแตกต่างของ THE RITZ CLINIC จะเป็นการใช้นวัตกรรมที่ใช้ทางเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Picosecond Laser ร่วมกันกับการวางแผนเพื่อรักษาโดยใช้เทคนิคการรักษาเฉพาะทางแบบพิเศษเรียกว่า “ Double Layer and Laser Combination ” ซึ่งเป็นรูปแบบของการคิดค้นและพัฒนาโดยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญการสูง  สามารถปรับแผนการรักษาให้เหมาะกับสภาพปัญหาของผิวแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างนี้ส่งผลให้การรับการรักษาคนไข้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

ผู้รับบริการจึงสามารถมั่นใจในแบบแผนการรักษา THE RITZ CLINIC มีมาตรฐานด้วยนวัตกรรมเครื่องมือ Picosecond Laser ทันสมัยได้มาตรฐานระดับโลก จากทางคลินิก THE RITZ CLINIC จัดเป็นผู้ที่บุกเบิกการนำเทคโนโลยีมาใช้ในประเทศไทยเป็นคลินิกแรกๆ ผู้รับบริการจึงสามารถมั่นใจในแบบแผนการรักษาจากทางคลินิก สามารถรับรองและการันตีรูปแบบแผนการรักษาให้กับคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับมาตรฐาน

รักษาหลุมสิวด้วย โปรแกรม PICO-SCAR กี่ครั้งถึงเห็นผล?

การรักษาในแต่ละครั้งจะเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงขึ้นตามลำดับทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของปัญหาผิวของผู้รับบริการแต่ละบุคคล เราจะสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงแบบเห็นผลชัดเจนได้ใน 6 ครั้งขึ้นไป

อย่างไรก็ตามผู้รับบริการควรต้องทำความเข้าใจว่าลักษณะของการทำเลเซอร์จะมีรอบของการใช้ระยะเวลาฟื้นฟูผิวและทิ้งร่องรอยให้ผิวสามารถซ่อมแซมตนเองได้ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันการใช้ Picosecond Laser เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและใหม่ล่าสุดโดยจะสามารถให้ประสิทธิภาพกับผู้รับบริการได้อย่างสูงสุด ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในการเตรียมตัวเข้ารับบริการและหลังการรับบริการตามที่แพทย์แนะนำ ผู้รับบริการจะสังเกตเห็นได้ว่ารอยหลุมสิวสามารถตื้นขึ้นได้ประมาณ 60 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์เรียกได้ว่าสามารถกลับมามีผิวที่เรียบเนียนแทบมองไม่เห็นว่าเคยเกิดเป็นแผลเป็นหรือหลุมสิวขนาดใหญ่หรือหลุมสิวประเภทต่างๆมาก่อน

กระบวนการรักษาด้วย Picosecond Laser จะเป็นการรักษาด้วยวิธีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ซึ่งจะต้องมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ซ้ำในบริเวณที่มีปัญหาของผิว หากผู้ที่มีปัญหาหนักควรจะอาศัยระยะเวลาในการทำที่สม่ำเสมอต่อเนื่องตามที่แพทย์ผู้ชำนาญการแนะนำในแต่ละบุคคล และควรรับบริการในวันที่แพทย์กำหนด ซึ่งจะเป็นการประเมินวันเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีรอบในการพักฟื้นกระตุ้นสร้างคอลลาเจน และพักผิวเพื่อมารับบริการใหม่ 

อย่างไรก็ตามผู้รับบริการสามารถมั่นใจการใช้บริการจาก THE RITZ CLINIC เพราะเรามีรูปแบบของการใช้เทคนิคการรักษาเฉพาะที่แตกต่างจากคลินิกเลเซอร์ทั่วๆไป โดยเทคนิคเป็นการคิดค้นพิเศษจาก ทีมแพทย์ผิวหนังและทีมแพทย์ที่มีความชำนาญการในการใช้ Picosecond Laser โดยเฉพาะ ส่งผลให้สามารถรักษาหลุมสิวอย่างเป็นขั้นตอน สามารถเห็นผลลัพธ์ถึงการเปลี่ยนแปลงและรักษาหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญการของทีมแพทย์ ซึ่งจะสามารถทำการวิเคราะห์และออกแบบการรักษาที่เรียกว่า “ Double Layer and Laser Combination ” แก้ปัญหาหลุมสิวและช่วยทำให้ผิวคุณดีขึ้นได้แบบ 100%

โปรแกรม PICO-SCAR พักฟื้นหน้านานแค่ไหน?

หลังจากที่รับการรักษาด้วย Picosecond Laser จะพบว่ามีอาการระคายเคืองและอักเสบในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกหลังจากที่ทำแต่จะสามารถทุเลาและหายไปได้เอง และหลังจากนั้นผู้รับบริการจะพบว่ามีจุดเลือดออกและสะเก็ดแผลเป็นเวลา 7-10 วัน จะมีลักษณะจุดช้ำจ้ำๆขึ้นที่บริเวณที่ยิงเลเซอร์ เพื่อรักษาหลุมสิวและแก้ปัญหาผิว โดยถือว่าเป็นเรื่องปกติ ผิวจะมีความช้ำและเป็นสีแดงขึ้นคล้ายกับมีสะเก็ดเลือดออก ครั้งนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่แพทย์ผู้ชำนาญการเลือกใช้ในแต่ละบุคคล โดยหลังจากที่ผ่านไป 7-10 วันแล้วจะค่อยๆจางและหายได้เอง โดยไม่ต้องมีการทานยาหรือการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งนี้ผู้ที่มีผิวระคายเคืองได้ง่ายอาจจะรู้สึกคันในบริเวณที่มีการทำเลเซอร์ ควรงดการแกะ การแคะ และการเกา หากรู้สึกมีตุ่มคันขึ้นบริเวณที่ทำเลเซอร์ควรมีการปรึกษากับแพทย์ที่ให้บริการจากคลินิกทันที 

อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติตัวหลังจากทำเลเซอร์แล้ว ควรมีการทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น โดยเป็นการบำรุงในกลุ่มของ moisturizer ให้ความชุ่มชื้นทั่วไป และควรทากันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเช้าเพื่อปกป้องผิว ไม่ควรใช้ผิวหน้าหนักจนเกินไปหรือเลี่ยงการแต่งหน้า ผู้ที่เข้ารับการรักษาหลุมสิวด้วย Picosecond Laser  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ควรทายาลดการระคายเคืองและอักเสบตามที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ผิวสามารถกลับมาฟื้นฟูได้โดยเร็ว งดและเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์ที่แพทย์ไม่ได้สั่ง เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้มากขึ้น

ดังนั้น หากต้องการใช้หน้าแบบเร่งด่วนอาจจะไม่เหมาะกับการรับการรักษาด้วยโปรแกรม PICO-SCAR เพราะจะใช้ระยะเวลาที่ผิวจะมีการตกสะเก็ดหรือใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเซลล์ผิวทำให้ในระหว่างที่มีการฟื้นฟูและรักษาซ่อมแซมเซลล์ผิวอยู่นั้นเราจะพบว่าภายใน 7-10 วันอาจจะมีการเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นรอยแดงหรือจ้ำจ้ำของจุดต่างๆบริเวณที่มีการทำเลเซอร์ ดังนั้นควรจะมีการเผื่อระยะเวลาในการพักหน้าอย่างเหมาะสม ในระหว่างนี้แนะนำให้ไม่ควรมีการแต่งหน้าหรือทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวที่ทำเลเซอร์มาใหม่

Share

Related Services

Picosecond-Laser มีบทความ
Pico-Smooth มีบทความ

PICO-SMOOTH & PICO-BRIGHT

Banner-Vbeam-web

Moveo Red Laser

ราคาทดลอง 990.-

ปรึกษาฟรี
ถามหมอได้เลยครับ